ผ่านไป 20 ปี พวกนักแก้ตัวให้สงครามรุกรานอิรัก ยังคงมีอิทธิพลครอบงำเหนือการต่างประเทศของสหรัฐฯ

ในกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ เมื่อกุมภาพันธ์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ผู้นำโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา กล่าวทักทายตราหน้าการที่รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างทารุณไร้มนุษยธรรมไม่นับถือข้อบังคับโดยกล่าวว่า “ความนึกคิดที่ว่ามีกองทหารมากยิ่งกว่า 100,000 คน บุกรุกรานอีกประเทศหนึ่ง
ข่าวทันโลกข่าวต่างประเทศ ตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว มันไม่มีอะไรแบบงี้เกิดขึ้นมาอีกเลย”แม้กระนั้นอีก 1 เดือนต่อจากนั้น มันเป็นวันครบรอบ 20 ปีของการชำรุดทลายทางด้านแนวทางการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดตอนหลังการทำศึกเวียดนามสิ้นสุดลง โน่นเป็นการทำศึกที่อเมริกาเลือกที่จะก่อขึ้น ด้วยการบุกกระหน่ำทำร้ายอิรัก โดยส่งทหารสหรัฐอเมริกา ปริมาณ 130,000 นาย รุกรานประเทศนี้แล้วก็ลบล้างรัฐบาลของอิรักเมื่อพินิจพิเคราะห์จากขนาดขอบเขตของความประพฤติปฏิบัติที่ทึ่มครั้งนี้ มันก็เกิดเรื่องที่รู้เรื่องได้ว่า ไบเดน มีความต้องการที่จะฝังประเด็นนี้เอาไว้ให้อยู่ในหลุมลึกที่ความจำ รวมทั้งแม้บุคคลร่วมยุคไม่น้อยเลยทีเดียว มิได้มีความร้ายกาจเทียบเคียงได้กับนักแสดงเด่นชั่วช้าในนิยายของจอร์จ ออร์เวลล์ เหมือนกับไบเดน แต่ทว่าในตอนครบรอบ 20 ปีนี้ บุคคลพวกนี้ก็ยังคงปฏิบัติอะไรคล้ายกันกับเขาในความมานะบากบั่นแสวงหาคำชี้แจง หรือเหตุผลสำหรับสร้างความยุติธรรม หรือกำจัดลบทิ้งความจำเกี่ยวกับความฉิบหายหายนะคราวนี้นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักหรอก เพราะจวบจนถึงในตอนนี้ แทบจะไม่มีพวกผู้กระทำผิด เหล่านักประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อ แล้วก็ประดาเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งช่วยเหลือกันผลักดันเราคนประเทศอเมริกาให้ไปสู่การศึกครั้งนั้นผู้ใดกันเลยที่ได้รับการโต้ตอบอันเหมาะสมควรจะจากผลตลอดที่ติดตามมา กิตติศัพท์เกียรติของพวกเขากลับได้รับการขัดเงาแวววาวขึ้นมาอีกรอบ ตอนที่ความสูงส่งของพวกเขาในหมู่ชนชั้นหนึ่งด้านการต่างประเทศ-การกำหนดแผนการของอเมริกาก็ยังคงมิได้ถูกสัมผัสเรื่องที่จำเป็นต้องจัดว่าแปลกแปลกประหลาดมากมายเป็นพิเศษก็คือ พวกผู้ที่นำพวกเราไปสู่ความย่อยยับเสียหายตอนนี้ยังคงครอบครองแพลตฟอร์มสื่อหลักๆของอเมริกาเอาไว้ถัดไป ในตอนที่พวกซึ่งเตือนภัยถกเถียงการเข้าการรบ จำนวนมากแล้วกลับถูกผลักไสไล่ส่งไปอยู่ตรงแถบริม
การแต่งตัวทำให้การทำศึกอิรัก “ดูดี” นั้นไม่ใช่ภารกิจที่จะทำกันได้กล้วยๆคณะผู้บริหารของผู้นำจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในยุคนั้นพากเพียรหว่านล้อมเชื้อเชิญด้วยการเสนอแนวทาง “การศึกเพื่อการปกป้อง”
ข่าวทันโลกข่าวต่างประเทศ แสดงความดูหมิ่นเหยียดหยามความต้องการที่อเมริกา ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในฐานะสูงสุดของการเป็นขั้วอำนาจเพียงแค่ขั้วเดียวของโลก จำเป็นจะต้องไปขออำนาจสำหรับในการบุกอิรักจากองค์การสหประชาชาติ หรือการยืนยันจากพวกประเทศพันธมิตรนาโต้ และยังรวมไปถึงความยึดมั่นประพฤติตามกฎหมายระหว่างประเทศอิรักนั้นกลายเป็นจุดหมายของพวกอนุรักษนิยมใหม่ มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนเรื่องราวผู้ก่อเหตุร้ายแรงจู่โจมก่อให้เกิดเหตุร้ายในสหรัฐอเมริกา อย่างที่พวกนักประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อของกรุ๊ป “โครงงานเพื่อศตวรรษใหม่ของอเมริกัน” ได้กล่าวออกมาให้ฟังกันอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แรงกระตุ้นให้ออกศึกอิรักนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ชั่วโมงแรกวันหลังเหตุจู่โจมก่อการร้ายแม้มีเรื่องจริงอยู่ว่า ซัดดัม ฮุสเซน เป็นคนที่ประกาศตัวเป็นศัตรูจำพวกไม้เบื่อไม้เมากับกรุ๊ปอัลกออิดะห์เอาแคมเปญเพิ่มยอดจำหน่ายของมาใช้ในลัษณะของการทำศึกทำสงครามอิรักคณะผู้บริหารบุช รณรงค์ขายภัยรุกราม โดยการทำให้มัน (อย่างที่สมัยก่อนรัฐมนตรีต่างแดนสหรัฐอเมริกา ดีน อาชีสัน เคยเขียนเอาไว้เมื่อตอนเริ่มสงครามเย็นใหม่ๆ) “แน่ชัดแจ่มชัดเสียมากกว่าสัจจะความเป็นจริง” สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับเนื้อความที่น่าจะประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ คณะผู้บริหารชุดนี้ได้จ้างเรารูนักโปรโมทมือโปรได้แก่ ชาร์ลอตต์ เบียร์สดส ผู้มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีที่ถนนหนทางเมดิสัน” ถนนหนทางเมดิสัน ในนครนิวยอร์ก ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเป็นที่ตั้งของพวกบริษัทโปรโมท โดยเหตุนั้น กลุ่มคำ “ถนนหนทางเมดิสัน” ก็เลยคือแวดวงโปรโมทไปในตัว -ผู้แปล) ตรงดิ่งจากแคมเปญโปรโมทชนะรางวัล เพื่อขายของอย่างข้าวสาร ตั้งแต่ตัวผู้นำลงมา พวกเขาเพียรพยายามหาทางเชื่อมโยงซัดดัม ฮุสเซน ให้กับกรณีก่อเหตุร้ายแรง ถึงแม้ว่าพวกเขามิได้มีหลักฐานชี้ให้เห็นถึงการโยงใยอะไรก็แล้วแต่เลย ต่อจากนั้นพวกเขาก็จุดโฟกัสไปที่การป่าวประกาศเรื่องภัยรุกรามซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากอาวุธเพื่อการทำลาย ที่พวกเขากล่าวอ้างว่าซัดดัมมีอยู่ในครอบครอง
แนะนำข่าวทันโลกข่าวต่างประเทศ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : คลิปปรินซ์หลุยส์และภาพชุดสุดชื่นใจ: เจ้าหญิงเคททรงงดงามน่าหลงใหลในฉลองพระองค์สีงาช้าง และปรินซ์หลุยส์ทรงเป็นขาลุยเบอร์เดิมแต่น่ารักเพิ่มขึ้น